ในบทความนี้ เราจะมาดูคุณลักษณะบางอย่างของ iOS ที่ Apple หยิบยืมมาจาก Android ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ระบบ iOS ของ Apple และระบบ Android ของ Google จะก็อปปี้ฟังชั่นลูกเล่นต่างๆภายในระบบปฏิบัติการของกันและกันมานานหลายปี และสิ่งนี้ส่งผลให้ทั้ง iOS และ Android ก้าวหน้าไปในลักษณะที่คล้ายคลึงกันแต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียวไปทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ เพราะคุณสามารถเลือกระหว่างสองแพลตฟอร์มที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวโดยไม่พลาดคุณสมบัติที่สำคัญเหล่านั้น

1. ประการแรก เรามาพูดถึงวิดเจ็ตบนหน้าจอหลักกันก่อน หากคุณเพิ่งซื้อ iPhone เครื่องใหม่ คุณอาจสังเกตเห็นวิดเจ็ตเรียบร้อยที่คุณสามารถวางบนหน้าจอหลักได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลโค้ดเหล่านี้ไม่สามารถใช้งานได้จนกว่า iOS 14 จะเปิดตัวในปี 2020 ในขณะที่โทรศัพท์ Android รองรับวิดเจ็ตหน้าจอหลักมานานกว่าทศวรรษ แม้ว่าจะไม่เหมือนกัน แต่วิดเจ็ตบน iOS ยังคงมีการออกแบบที่สะอาดตาและมีให้เลือกสามขนาด อย่างไรก็ตาม ตัวระบบ iOS ไม่อนุญาตให้คุณโต้ตอบกับพวกเขา และข้อมูลจะไม่รีเฟรชอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่น่าเชื่อถือสำหรับเรื่องที่มีความสำคัญต่อเวลา

2. ถัดไปคือคลังแอปหรือที่ผู้ใช้ Android อาจรู้จักในชื่อที่เก็บแอป ก่อนหน้า iOS 14 ผู้ใช้ iPhone ไม่สามารถจัดระเบียบแอพของตนได้นอกเหนือจากโฟลเดอร์เสริมบนหน้าจอหลัก ด้วย iOS 14 ผู้ใช้ iPhone สามารถลบแอพบางส่วนหรือทั้งหมดออกจากหน้าจอหลักได้แล้ว เนื่องจากแอพเหล่านี้ถูกย้ายไปที่คลังแอพเป็นหลัก

3. คุณลักษณะอื่นที่ Apple ยืมมาจาก Android คือแอปเริ่มต้น เช่นเดียวกับวิดเจ็ตบนหน้าจอหลัก ผู้ใช้ Android สามารถตั้งค่าแอปเริ่มต้นได้ก่อนที่ผู้ใช้ Apple จะทำได้ กว่าผู้ใช้ iPhones จะสามารถใช้งานแอปเริ่มต้นได้ ก็ต้องรอมาจนถึง iOS 14 และยังใช้งานได้ไม่ค่อยสมบูรณ์ด้วยซ้ำ เพราะผู้ใช้จะถูกจำกัดไว้เพียงแค่อีเมลเริ่มต้นและแอปท่องเว็บ ทำให้คุณลักษณะนี้ไม่มีจุดหมายสำหรับผู้ที่ต้องการตั้งค่าแอปแผนที่เริ่มต้นหรือเครื่องเล่นไฟล์มัลติมีเดีย

4. การเล่นวิดีโอแบบภาพซ้อนภาพ (PiP) ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการใน Android Oreo ในปี 2560 ขณะที่ระบบ iOS ของ Apple ยังไม่มีคุณสมบัตินี้กระทั่งระบบ iOS 14 ได้เปิดตัวในปี 2563 และนักพัฒนาบุคคลที่สามจำเป็นต้องนำ API มาใช้ในแอปของตนเพื่อเพิ่มคุณสมบัติในแอปของตัวเอง

5. สุดท้ายนี้ iOS 16 ได้เปิดตัวการปรับแต่งหน้าจอล็อกที่สำคัญบางอย่าง ซึ่งรวมถึงความสามารถในการเปลี่ยนแบบอักษรของนาฬิกา แทรกวิดเจ็ต และอื่นๆ ผู้ใช้ iPhone 14 Pro ยังสามารถเปิดใช้งานและปรับแต่งหน้าจอที่เปิดตลอดเวลาเป็นครั้งแรกบนโทรศัพท์ Apple ฟีเจอร์ทั้งสองนี้มีให้บริการบนโทรศัพท์ Android มาหลายปีแล้ว และโดยทั่วไปจะสามารถใช้งานที่สมบูรณ์กว่าในระบบปฏิบัติการ Android

โดยรวมแล้ว เราจะเห็นได้ว่า Apple และ Google ต่างก็เป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาระบบของตัวเองให้กันและกัน และนำมาต่อยอดในการพัฒนาระบบปฏิบัติการที่ใช้งานได้จริงของตัวเอง ซึ่งเชื่อว่าเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาระบบปฎิบัติการทั้ง iOS และ Android ในลักษณะนี้ต่อไป ซึ่งแน่นอนว่ามันจะเป็นผลดีกับผู้ใช้งานทุกคนในแพลตฟอร์มสองระบบนี้ เพราะผู้ใช้ทุกคนจะได้รับประโยชน์จากคุณสมบัติที่ดีที่สุดของทั้ง iOS และ Android